วัดฟ้าหลั่ง

ประวัติวัดฟ้าหลั่ง

"วัดฟ้าหลั่ง" ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสันหิน (เดิมเรียกว่าบ้านม่วงงาม) ต.ดอยหล่อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่      ติดถนนสายเชียงใหม่-ฮอด กิโลเมตรที่ ๓๗.๕ เชื่อกันว่า วัดฟ้าหลั่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ๔๐๐ กว่าปีมาแล้ว ก่อนที่จะกลายเป็นวัดร้างเป็นระยะเวลายาวนาน

วัดฟ้าหลั่งเดิมมีชื่อว่า “วัดป่าฟ้าหลั่ง” ดังปรากฏหลักฐานกล่าวถึงในตำนานพระธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทอง (ตำนานประธาตุศรีจอมทองซึ่งอยู่ในหนังสือประชุมตำนานล้านนาไทยเล่ม ๒ นี้ คุณสงวน โชติสุขรัตน์ ผู้รวบรวมได้ระบุถึงที่มาว่า ท่านพระมหาหมื่น วุฑฒิญาโณ ได้แปลจากอักษรไทยยวนไว้ เมื่อประมาณพ.ศ.๒๔๖๘ และมอบให้ผู้รวบรวมเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๖ อ้างจาก สงวน โชติสุขรัตน์ ประชุมตำนานล้านนาไทย เล่ม ๒ พระนคร: โอเดียนสโตร์, ๒๕๑๕, หน้า ๒๑๙) และในโคลงมังทรารบเชียงใหม่ (สิงฆะ วรรณสัย ถอดความเป็นภาษาไทยปัจจุบัน โคลงเรื่องมังทรารบเชียงใหม่ บุตรธิดาพิมพ์เป็นบรรณาการ    ในงานฉลอง ๗ รอบนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินทร์ วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๒)

          จากหลักฐานดังกล่าวทำให้ทราบว่า วัดป่าฟ้าหลั่งเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งในสมัยพระเมืองแก้ว พระมหาเถรที่สำคัญของวัดฟ้าหลั่งมีสององค์ คือ มหาเถรฟ้าหลั่งพุทธญาโณ และมหาเถรอานันทะ มหาเถรป่าฟ้าหลั่ง เป็นผู้ที่มีสติปัญญา ทำให้มีบทบาทสำคัญในการก่อสร้างพระวิหารและปราสาทที่พระธาตุศรีจอมทอง

          นอกจากหลักฐานที่เป็นเอกสารแล้ว ยังมีตำนานที่เล่าสืบทอดกันมาว่า “มีมหาเถรสององค์อยู่วัดป่าฟ้าหลั่ง มหาเถรองค์ที่ ๑ ชื่อว่า มหาเถรพุทธญาโณ องค์ที่ ๒ ชื่อว่า มหาอานันทเถระ อยู่วัดป่าฟ้าหลั่ง มหาเถรพุทธญาโณนั้น เวลาท่านจะไปไหน “เปิ้นเห็นฟ้ามันคล้าย ๆ ฝนจะตกครึ้มดี”

          ส่วนลักษณะ “วัดป่า” (หลวงปู่ครูบาอิน อินโท ได้เมตตาเล่าให้ฟังเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๔) นั้น หลวงปู่ครูบาอินกรุณาขยายความว่าหมายถึงวัดที่อยู่ไกลบ้านประมาณ ๕๐๐ วา ชั่วขาธนูหรือประมาณ ๑ กิโลเมตร

          เมื่อสิ้นมหาเถรป่าฟ้าหลั่งไปแล้ว ไม่ปรากฏชื่อของวัดป่าฟ้าหลั่งในเอกสารใด เข้าใจว่าวัดป่าฟ้าหลั่งคงจะเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา และด้วยภาวะสงครามระหว่างเมืองเชียงใหม่กับเมืองพม่าซึ่งปรากฏในประวัติศาสตร์อยู่หลายครั้งหลายหน จนกลายเป็นวัดร้างและป่ารกชัฏไปในที่สุด

          ปัจจุบันสันนิษฐานว่า “วัดฟ้าหลั่ง” คือ วัดป่าฟ้าหลั่งเดิม เพราะมีหลักฐานเป็นชายกำแพงรอบทั้งสี่ด้าน มีเนื้อที่ประมาณ ๘ ไร่ ภายในบริเวณมีฐานเจดีย์ (อยู่ในบริเวณวัดปัจจุบัน ทางด้านทิศเหนือของอุโบสถเป็นที่ว่างระหว่างกุฏิกรรมฐานหลังที่ ๒ และ ๓ ซึ่งบริเวณนั้นจะปรากฏเป็นอิฐโบราณหักเป็นจำนวนมาก ก่อนมาบูรณะผู้เฒ่าผู้แก่ยังเคยมาบูชาที่ฐานเจดีย์เดิมอยู่) และฐานอุโบสถขนาดกว้าง ๘ ศอก ยาว ๑๒ ศอก ตั้งอยู่ และที่ฐานอุโบสถเมื่อขุดดูจะพบลูกนิมิตหรือหินสีมาฝังไว้ครบถูกต้องตามทิศทางฐานอุโบสถที่กล่าวถึงที่ ปัจจุบันอยู่ในบริเวณที่ดินของวัดฝั่งตรงข้ามกับวัดฟ้าหลั่งปัจจุบัน เพราะมีถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ตัดผ่าน ทำให้บริเวณวัดแยกจากกัน

          วัดร้างฟ้าหลั่งเริ่มต้นบูรณะเมื่อครั้งที่หลวงปู่ครูบาอินท่านได้รับนิมนต์มานั่งหนักเป็นประธานก่อสร้างโรงเรียนวัดฟ้าหลั่งในปี พ.ศ.๒๕๐๔ จึงนับว่าเริ่มสร้างวัดฟ้าหลั่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การบูรณะก่อสร้างวัดฟ้าหลั่งนั้น หลวงปู่ครูบาอิน อินโท และคณะชาวบ้านได้แผ้วถางป่ารกชัฏ และก่อสร้างถาวรวัตถุอย่างที่ปรากฎอยู่ตลอด รวมทั้งปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่ทุกต้น ยกเว้นต้นมะม่วงขนาดใหญ่ที่อยู่หลังกุฏิพระครูบาอินเท่านั้นที่เป็นต้นเดิม การก่อสร้างทั้งหมดเกิดจากเจตนาศรัทธาอันบริสุทธิ์ของผู้บริจาคทรัพย์สมทบทุนการก่อสร้าง โดยไม่มีการบังคับหรือป่าวประกาศ การก่อสร้างจึงเป็นไปอย่างล่าช้า อันเป็นเจตนารมณ์ของพระครูบาอิน อินโท ที่จะไม่เรี่ยไรบังคับให้คนทำบุญ แต่ให้บุญเกิดขึ้นเองโดยจิตเจตนาศรัทธาของบุคคลนั้นจริง ๆ

          วัดฟ้าหลั่ง ได้จัดงานพิธีสรงน้ำพระธาตุในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ เหนือ (๓ ใต้) ต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นการทำนุบำรุงและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีตลอดจนเป็นการสร้างความสามัคคีและความสัมพันธ์อันดีระหว่างองค์กรชุมชนกับประชาชนตำบลดอยหล่อ

ที่มา doilor.org

เทรนด์
มีนาคม 2024

กิจกรรมในเชียงใหม่