มาโนเซ่ จำกัด
  • email : support@manose.co
  • ศ.ดร. จีรเดช มโนสร้อย :  jiradej.manosroi8@gmail.com
  • ศ.ดร. อรัญญา มโนสร้อย : a.manosroi@gmail.com
  • ภก. ศุภชัย ศุภคติสันติ์ : supachai@qualimedthai.com
  • website : http://www.manose.co
  • Tel/Fax : +66-53-270182, +66-53-270041


ในปัจจุบัน ธุรกิจไม่ใช่เพียงเรื่องการซื้อขาย ต้องอาศัยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มโอกาสในการ แข่งขันให้สูงขึ้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจหากไทยจะปรับตัวให้กลายเป็นศูนย์กลางวิจัยและพัฒนา หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า R&D การพัฒนาเศรษฐกิจของโลกปัจจุบันขึ้นกับเทคโนโลยีเป็น หลัก ประเทศใดมีการผลิตสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูงและต้นทุนการผลิตต่ำ ถือว่าประเทศน้ัน มีการผลิตที่ขยายตัวและเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าประเทศอื่น R&D หรือ การค้นคว้าวิจัยจึงเป็นเงื่อนไขหลักของความสําเร็จในด้านน้ี มาตรวัดการเติบโตด้านนี้ต้องดูจากงบประมาณที่ใช้ ในด้าน R&D ว่าเท่าใดจากผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือที่เรียกว่า GDP ประเทศอิสราเอลเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณด้าน R&D มากเป็นอันดับ1ของโลกคือ 4.8% ของ GDP ตามด้วย สวีเดน ฟินแลนด์ ญี่ปุ่นและเกาหลีที่มีสัดส่วนมากกว่า 3% และตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา เยอรมัน สิงคโปร์และฝรั่งเศส ที่มีสัดส่วนมากกว่า 2 % ของ GDP สําหรับไทยอยู่ที่ 0.2% ของ GDP ในความเป็นจริงรัฐบาลไทยมีนโยบายเพิ่มการทํา R&D เป็น 1% ของ GDP ซึ่งจะส่งผลให้ ไทยสามารถคิดค้นสินค้าใหม่ๆ ได้ ทิศทางของ R&D จะมุ่งเน้นทางด้านการผลิตสินค้าที่มีตลาดอยู่ เช่น พืชผลทางเกษตรซึ่งจะมีการค้นคว้าวิจัยด้าน biotechnology และนาโนเทคโนโลยี เป็นต้น

เทรนด์
มีนาคม 2024

กิจกรรมในเชียงใหม่