โบราณสถาน สันกู่ (ดอยสุเทพ-ดอยปุย)

เมื่อ พ.ศ.2526 หน่วยศิลปากรที่ 4 เชียงใหม่ ได้ขุดแต่งบูรณะซากโบราณสันกู่ ในการทำงานครั้งนั้น เป็นไปตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา  สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงทราบฝ่าละอองพระบาทว่า โบราณสถานแห่งนี้ถูกขุดทำลายเป็นเวลานานแล้ว สมควรให้กรมศิลปากรสำรวจและบูรณะให้อยู่ในสภาพที่ดีต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ต่อการศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดี สภาพก่อนการขุดแต่ง เป็นเนินโบราณสถานที่ต้นไม้หนาแน่น เมื่อขุดลอกดินที่ทับถมออก พบซากเจดีย์และฐานวิหาร ได้ขุดลอกหลุมที่เกิดจากการลักลอบขุดที่ตรงกลางฐานเจดีย์ในระดับความลึก 5.30 เมตร พบโบราณวัตถุในกรุที่สำคัญ ได้แก่ เศียรพระพุทธรูปศิลปะแบบหริภุญไชย พระพิมพ์ดินเผาศิลปะแบบหริภุญไชย เศษเครื่องปั้นดินเผาเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็กของจีนสมัยราชวงศ์หมิง (พ.ศ.1911-2187) และการขุดแต่ส่วนอื่นพบเศษเครื่องปั้นดินเผาจากแหล่งเตาสันกำแพง สันนิษฐาน โบราณสถานสันกู่มีอายุระหว่าง พุทธศตวรรษที่ 19-22

ที่มา "สันกู่" โบราณสถานเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บน "ยอดดอยสุเทพ" ด้วยแรงศรัทธา - GotoKnow


โบราณสถาน “สันกู่” บนยอดดอยปุย  :  พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระฤาษีวาสุเทพน้อยคนที่จะทราบว่า  บนยอดดอยที่สูงเหนือกว่าดอยสุเทพ เมืองเชียงใหม่ขึ้นไปอีก  มีซากโบราณสถานแห่งหนึ่งชื่อว่า “สันกู่”  มีอายุเก่ากว่าพระธาตุดอยสุเทพ  และเก่าแก่กว่าโบราณสถานใดๆ ในพื้นที่แถบเชิงดอยสุเทพ

แต่ปัญหามีอยู่ว่า  โบราณสถานแห่งนี้  คืออะไร?   ทำไมจึงถูกสร้างบนยอดดอยสูงและไกลเช่นนั้น

ดอยสุเทพนั้นเป็นชื่อที่เรียกตามนามของพระสุเทวฤาษีหรือพระฤาษีวาสุเทพ  ซึ่งในอดีตได้เคยมาอยู่บำเพ็ญตะบะอยู่ ณ ภูเขาแห่งนี้

ซึ่งบริเวณเชิงดอยสุเทพมีเมืองโบราณเวียงเจ็ดลิน  ตามตำนานกล่าวว่าเป็น  เมืองเชษฐะบุรี  ซึ่งเป็นชุมชนของชาวลัวะ  

การศึกษาที่ผ่านมาพบหลักฐานโบราณสถานและวัตถุสมัยหริภุญไชย  ที่แสดงให้เห็นว่าเวียงเจ็ดลิน เป็นชุมชนโบราณที่มีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘

ต่อมาในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐  พระญากือนา กษัตริย์ล้านนา  โปรดฯให้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นไว้บนยอดดอยสุเทพด้วยเหตุนี้ดอยสุเทพจึงเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์  เนื่องจากเคยเป็นทั้งที่อยู่ของพระฤาษีวาสุเทพ และเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมธาตุดอยสุเทพแต่บนยอดดอยปุย  ที่อยู่สูงเหนือดอยสุเทพขึ้นไปอีก  มีศาสนสถานเก่าแก่ที่มีเรียกกันทุกวันนี้ว่า “สันกู่”

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ หน่วยศิลปากรที่ ๔ เชียงใหม่ (ซึ่งขณะนั้นผู้เขียนรับผิดชอบเป็นหัวหน้าหน่วยงาน)  ได้ขุดค้นศึกษาและบูรณะโบราณสถานสันกู่  ตามพระประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี  เนื่องจากถูกขุดค้นทำลาย   

ผลการดำเนินการพบชิ้นส่วนพระพิมพ์ดิน ศิลปะหริภุญไชย จำนวนหนึ่ง ร่วมกับซากเจดีย์และวิหาร  ที่มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘  ซึ่งยืนยันว่าโบราณสถานแห่งนี้  เป็นพุทธสถานในสมัยหริภุญไชย

จึงเกิดคำถามขึ้นว่า  ทำไมโบราณสถานสันกู่   จึงไปปรากฏอยู่บนยอดดอยสูงเช่นนั้น?  โดยเฉพาะในสมัยหริภุญไชย

ในที่นี้ผู้เขียนสันนิษฐานและตีความว่า

บริเวณพื้นที่ตั้งของโบราณสถานสันกู่  คงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งเคยเป็นอาศรมหรือสถานที่เกี่ยวข้องกับพระฤาษีวาสุเทพในความเชื่อของชาวลัวะบริเวณเชิงดอยสุเทพ  

ทั้งนี้ในตำนานกล่าวว่า  ลัวะเป็นกลุ่มชนที่เกิดจากรอยเท้าสัตว์ที่ฤาษีวาสุเทพได้ให้อยู่อุปัฏฐากตนและสร้างให้อยู่ในบริเวณตีนดอยสุเทพ  ดังนั้นจึงได้มีการสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นในสมัยหริภุญไชย

ต่อมาพระญากือนาประสงค์ที่จะอัญเชิญให้พระบรมสารีริกธาตุขึ้นไปประดิษฐานบนยอดดอยปุย ซึ่งเป็นยอดดอยสูงสุดและเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์(สันกู่)แห่งนี้  แต่เนื่องจากช้างที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นไปถึงบริเวณยอดดอยแห่งหนึ่งและสิ้นชีวิต  จึงถือเป็นนิมิตรหมาย  โปรดฯให้ประดิษฐานพระบรมธาตุบนยอดดอยแห่งนั้น คือ  พระธาตุดอยสุเทพ

นับแต่นั้นมาพระธาตุดอยสุเทพ  จึงเป็นปูชนียสถานสำคัญของเมืองเชียงใหม่

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระธาตุเจดีย์องค์เดิมบนดอยปุย(โบราณสถานสันกู่) ลดความสำคัญลง  และค่อยๆลืมเลือนหายไปจากความทรงจำ  แม้กระทั่งชื่อที่แท้จริงก็ยังไม่ปรากฏในเอกสารใดๆ

เท็จจริงจะเป็นอย่างไร  ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นและความเชื่อ แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้  ก็คือ  “สันกู่” แห่งนี้  ถือเป็นโบราณสถานสำคัญที่มีอายุเก่าแก่กว่าแห่งใดๆ ในพื้นที่แถบเชิงดอยสุเทพแห่งนี้.

Cr. อ.สุรพล ดำริห์กุล

ที่มา เรื่องเล่าชาวล้านนา – Posts | Facebook

เทรนด์
มีนาคม 2024

กิจกรรมในเชียงใหม่